การเรียนบริบาล ดีจำเป็นไหม เรียนบริบาลแล้วดีมีงานมั่นคงจริงไหม
เรียนบริบาลแล้วดีมีงานมั่นคงจริงไหม? มาดูกัน….
เมื่อประชากรในโลกของเรามีจำนวนผู้สูงอายุพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละปี ซึ่งนั้นรวมประเทศไทยด้วย และมีท่าทีว่าจะทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรับมือกับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต อีกทั้งนอกจากจำนวนผู้อายุแล้ว การดูแลเด็กเล็กยังมีความจำเป็นไม่แพ้กันกับในสังคมปัจจุบันนี้เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่อาจไม่มีเวลาดูแลต้องทำงาน จึงทำให้เกิดการเรียนบริบาลขึ้นมา หลายคนอาจเกิดข้อสงสัยว่าแล้วเรียนบริบาลคืออะไร ดีอย่างไร ทำไมต้องเรียนด้วย เรียนไปแล้วดีจริงไหม ตาม บทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน
งานบริบาลคืออะไร?
คำว่า “บริบาล” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ดูแลรักษา, ดูแลเลี้ยงดู ซึ่งผู้เรียนบริบาลจะต้องดูแลทั้งเด็กเล็ก คนชรา รวมไปถึงผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องใกล้ชิดตามแต่ผู้เรียนบริบาลแต่ละคนจะเลือกเรียน การดูแลบุคคลเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกหลักเพื่อลดอัตราความเสี่ยง รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคลที่ดูแล รวมถึงการดูแลการใช้เครื่องมือแพทย์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดู ด้วยเหตุนี้การเรียนบริบาลจึงมีความสำคัญมาก
การบริบาลจำเป็นต้องเรียนไหม?
จากที่กล่าวไปข้างต้น งานบริบาลเป็นงานดูแลบุคคลที่จำเป็นต้องมีทักษะหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านค่อนข้างสูง ไม่ใช่แค่งานประคองเดินสบาย ๆ หรือแค่นำอาหารให้ทานสามเวาลาเท่านั้น บริบาลที่ดีต้องทำหลายหน้าที่มาก เพื่อที่จะลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้รับการดูแลนั่นเอง เราลองเปรียบเทียบระหว่างคนที่เรียนบริบาลกับคนที่ไม่ได้เรียนบริบาล คนที่เรียนย่อมมีความรู้ความเข้าใจต่อผู้รับการดูแลได้ดีกว่าถ้าเรา มีคุณตาคุณยายอยู่ในบ้าน 1 คน เพื่อน ๆ อยากฝากท่านไว้กับคนดูแลที่เรียนมาหรือไม่ได้เรียนล่ะ จริงไหม?
ทราบถึงความสำคัญของการเรียนบริบาลแบบนี้แล้วลองมาดูข้อดีของการเรียนบริบาลกันบ้าง
ข้อดีของการเรียนบริบาลมีอะไรบ้าง?
1.ใช้ระยะเวลาเรียนสั้น
หลักสูตรของการเรียนบริบาลมีตั้งแต่ประมาณ 80 ชั่วโมง ไปจนถึง 840 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นหลักสูตรการเรียนระยะสั้น เรียนจบแล้วจะได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ และสามารถทำงานบริบาลได้เลยด้วย เรียนไม่นานแถมทำงานได้เลย
2.ข้อจำกัดในการเรียนน้อย
การเรียนบริบาลสามารถสมัครได้ไม่จำกัดเพศหญิง หรือชาย เพียงแต่ต้องอายุ 18 -35 ปี ส่วนวุฒิการศึกษานั้นสามารถใช้ได้ตั้งแต่ ม.3 หรือเทียบเท่าเลยสะดวกมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งขอแค่ตั้งใจเรียนก็สมัครได้เลย นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรให้เลือกเวลาเรียนระหว่างวันธรรมดาหรือวันหยุดอีกด้วยสามารถเรียนควบคู่กับการเรียนรูปแบบอื่น ๆ หรือควบคู่การทำงานก็ได้
3.มีงานรองรับแน่นอน
เนื่องจากเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นจำนวนผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลมีเพิ่มมากขึ้น และรวมถึงศูนย์บริการดูแลผู้สูงอายุ สถานดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วยระยะพักฟื้นเริ่มมีจำนวนมากขึ้น โดยศูนย์ที่เปิดกันมากขึ้นนี้จำเป็นต้องมีผู้ผ่านการเรียนบริบาลแล้วทั้งสิน จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าการเรียนบริบาลเป็นความต้องการของตลาดสังคมผู้สูงอายุแบบ 100 % ยังไม่รวมเด็กเล็ก และผู้ป่วยซึ่งก็ต้องการการดูแลเช่นกัน ความต้องการเยอะขนาดนี้เรียนบริบาลจบหลักสูตรมาเนื้อหอมแน่นอน
4.มีทางเลือกในการทำงานหลากหลาย
เรียนบริบาลจบแล้วสามารถบรรจุเข้าได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนทั่วประเทศ รวมทั้งคลินิกทันกรรม ศูนย์ความงาม หรือว่าจะรับงานดูแลผู้ป่วยตามบ้านก็ได้
5.เป็นที่ต้องการในต่างประเทศ
นอกจากประเทศไทยแล้วทุกประเทศทั่วโลกนั้นต้องการคนทำงานดูแลเหมือนกัน โดยเฉพาะประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไวกว่าประเทศอื่นอย่าง ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร อเมริกา เยอรมันนี ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรเลีย และสเปน ถ้าหากว่าได้ภาษาด้วยก็จะยิ่งเป็นที่ต้องการ และมีโอกาสได้ไปทำงานที่ประเทศข้างต้น ใครที่มองหางานดี ๆ ในประเทศเหล่านี้อยู่การเรียนบริบาลก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
ทั้งนี้โรงเรียนเชียงใหม่ การบริบาล ได้เปิดหลักสูตรเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการตลาดงาน อาทิ
หลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุและการดูแลเด็กเล็ก
หลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล
หลักสูตรผู้ช่วยเภสัช
หลักสูตรผู้ช่วยทันตกรรม
หลักสูตรผู้ช่วยห้อง lab
หลักสูตรผู้ช่วยผู้ช่วยศูนย์ความงาม
หลักสูตรผู้ช่วยห้องกายภาพ
อยากเรียกหลักสูตรไหนสามารถเลือกสมัครเรียนได้เลย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร 065-294-5958 093-592-2595 หรือแอดไลน์ ID : cmbschool